ไบเออร์ (Beyer,
1987) (ดร.สุวิทย์ มูลคำ, 2549: 13) ได้กล่าวว่า "การคิด" คือ
การค้นหาความหมาย ผู้ที่คิดคือผู้ที่กำลังค้นหาความหมายของอะไรบางอย่าง
นั้นคือกำลังใช้สติปัญญาของตนเอง ทำความเข้าใจกับการนำความรู้ใหม่ที่ได้รับรวมเข้ากับความรู้ดั้งเดิมหรือประสบการณ์ที่มีอยู่
เพื่อหาคำตอบว่าคืออะไร หรือการเอาข้อมูลที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่
ไปรวมกับข้อมูลเก่าที่รำลึกได้ เพื่อสร้างเป็นความคิดอ่านหรือข้อตัดสิน
ดิวอี้ ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับความสำคัญของการคิดว่า
เป็นสิ่งที่มีคุณค่าเพราะการคิดช่วยให้คนได้มองเห็นภาพปัญหาต่าง ๆ
ในอนาคตซึ่งจะช่วยให้บุคคลได้คิดหาแนวทางในการหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้และการคิดช่วยขยายความหมายของสิ่งต่างๆ
ใน โลกได้ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการคิดคือ
คนจะมีการปฏิบัติหรือการกระทำตามที่เขาคิดถึงแม้ว่ามันจะถูกหรือผิดก็ตาม
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์
เจริญวงศ์ศักดิ์ (2547) ผู้อำนวยการสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา
นักวิชาการด้านการคิดที่มีชื่อเสียงของประเทศและยังเป็นที่ปรึกษาอาวุโสแห่งมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดสหรัฐอเมริกา
ได้ให้ทัศนะไว้ในการบรรยาย เรื่อง "การคิดแบบนักบริหาร" ไว้ตอนหนึ่งว่า
(เอกสารการบรรยายหลักสูตรนายอำเภอรุ่นที่ 56, 2547: 1) "การคิดเป็นผลจากการทำงานของสมองในการก่อรูป
(Formulate) บางสิ่งบางอย่างขึ้นในมโนคติ (mind) ผ่านการทำงานของระบบการรับรู้ทางจิต
(cognitive system) โดยในบางส่วนของความคิดจะทำหน้าที่แยกแยะการกระทำและความรู้สึกผ่านกระบวนการทางความคิดอันนำไปสู่พฤติกรรมที่ตอบสนองสถานการณ์นั้น
ดร.สุวิทย์
มูลคำ (2549) นักวิชาการและนักบริหารด้านการศึกษา
ได้กล่าวถึงความสำคัญของการพัฒนาการศึกษาไว้สรุปได้ว่า (ดร.สุวิทย์ มูลคำ,
2549: 1) "ผลลัพธ์สุดท้ายของการบริหารการศึกษาคือคุณภาพของนักเรียน กล่าวคือ
เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์มีลักษณะ เก่ง ดี มีความสุข
จำเป็นค้นคว้าศึกษาหาวิธีพัฒนาต่างๆ มาใช้ โดยเฉพาะทักษะกระบวนการคิดให้เร็วที่สุด
มิฉะนั้นจะไม่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก
และสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งปัจจุบันและอนาคต คือ สงครามทางความคิด
ความสำคัญของการคิด
ดิวอี้ ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับการคิดว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าเพราะการคิดช่วยให้คนได้มองเห็นภาพปัญหาต่าง
ๆ ในอนาคตซึ่งจะช่วยให้บุคคลได้คิดหาแนวทางในการหลีกเลี่ยงหรือป้องกันได้และการคิดช่วยขยายความหมายของสิ่งต่างๆ
ในโลกได้ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการคิดคือ
คนจะมีการปฏิบัติหรือการกระทำตามที่เขาคิดถึงแม้ว่ามันจะถูกหรือผิดก็ตามเนื่องจากการคิดมีพลังอำนาจ
จึงต้องการการควบคุมโดยได้แนะนำวิธีการทางวิทยาศาสตร์ในการช่วยรักษาความคิดให้เป็นไปอย่างถูกต้องโดยมีการควบคุมเงื่อนไขภายใต้การสังเกต
และการสรุปความคิดตามสิ่งที่เกิดขึ้นและได้มีการทบทวนแนวคิดโดยกล่าวว่า
สิ่งที่บุคคลรู้จะเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดกระบวนการคิดครั้งแรกแล้วจึงนำไปสู่การคิดในสิ่งอื่นๆซึ่งก่อให้เกิดความสมบูรณ์ของกระบวนการคิดนั้น
เนื่องจากการคิดมีอิทธิพลอย่างมากจากกิเลสที่อยู่ภายในตัวบุคคล และสังคม
ความแตกต่างกันในการคิด
*
การคิดคล่องหรือคิดเร็ว
กล้าที่จะคิดและมีความคิดหลั่งไหล ออกมาได้อย่างรวดเร็ว การคิดเร็ว
จะช่วยให้เกิดความตื่นตัวในการตอบสนองโดยมีการตีความและช่วยให้เกิดความคิดเห็นตามมา
*
การคิดหลากหลาย ความคิดหลายๆ ลักษณะ
หลายประเภทหลายชนิดหลายรูปแบบ ถ้ามี
ความคิดเห็นที่น้อยเกินไปก็เป็นสิ่งบ่งชี้ว่ามีข้อมูลที่ไม่เพียงพอ หรือขาดแคลน อย่างไรก็ตามความคิดเห็นที่มีจำนวนมากทั้งเห็นด้วย และขัดแย้งกันทำให้ยากต่อการ ตัดสินใจและความคิดเห็นที่มากเกินไปทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเรียบเรียงลำดับความเป็นเหตุผล ดังนั้นการคิดที่ดีที่สุดคือ การมีความสมดุล ระหว่างความมากและน้อยของความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่น้อยเกินไปก็เป็นสิ่งบ่งชี้ว่ามีข้อมูลที่ไม่เพียงพอ หรือขาดแคลน อย่างไรก็ตามความคิดเห็นที่มีจำนวนมากทั้งเห็นด้วย และขัดแย้งกันทำให้ยากต่อการ ตัดสินใจและความคิดเห็นที่มากเกินไปทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเรียบเรียงลำดับความเป็นเหตุผล ดังนั้นการคิดที่ดีที่สุดคือ การมีความสมดุล ระหว่างความมากและน้อยของความคิดเห็น
*
การคิดลึกซึ้งเป็นการคิดให้เกิดความเข้าใจอย่างแท้จริงในสิ่งที่คิด
โดยเข้าใจถึงสาเหตุที่มาและความสัมพันธ์ต่างๆที่ซับซ้อนของโครงสร้างและรวมทั้งคุณค่าหรือความหมายที่แท้จริงของสิ่งที่คิด
การคิดแบบวิจารณญาณ
การคิดแบบวิจารณญาณ จะเกิดขึ้นเมื่อมีการนำความคิดเห็นมาจัดเป็น ระบบโดยกำหนดมิติแล้วนำข้อมูล
มาจัดเป็นกลุ่มตามมิติ แล้วนำมาหาความสัมพันธ์ระหว่างมิติด้วย
ความคิดเห็นเหล่านั้นจะถูกจัดการ
โดยยึดข้อเท็จจริงที่นำมาพิสูจน์และมีการพิจารณาร่วมกับบุคคลอื่นการพัฒนาลักษณะนิสัยของการจัดลำดับการคิดเป็นวิธีการทางอ้อมไม่ใช่ทางตรง
โดยการจัดลำดับการคิดจะกระทำผ่านการจัดลำดับของกิจกรรมการสังเกตต้องมีการดำเนินการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของการกระทำโดยต้องกระทำอย่างถูกต้อง
แล้วนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันมาจัดหมวดหมู่และแบ่งแยกออกเป็นกลุ่มเพื่อนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์
ปัญหาในการสร้างนิสัยในการคิดแบบวิจารณญาณ
จึงอยู่ที่การสร้างสถานการณ์ในการกระตุ้นและชี้นำให้เกิดความกระตือรือร้น
การกำหนดความเกี่ยวพันของประสบการณ์เพื่อส่งเสริมการสร้างความคิดเห็น การสร้างสรรค์ปัญหาและจุดมุ่งหมายที่จะสนับสนุน
ความต่อเนื่องและลำดับของการคิดในการสร้างความสำเร็จของการคิด
นิสัยในการคิด
*
นิสัยในการคิด หมายถึง ลักษณะการแสดงออกของบุคคล
ประกอบด้วย
ความกระตือรือร้น หมายถึง พฤติกรรมที่บุคคลที่แสดงออกอันเนื่องจากการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมระดับความกระตือรือร้นมี3ระดับคือ
ความกระตือรือร้น หมายถึง พฤติกรรมที่บุคคลที่แสดงออกอันเนื่องจากการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมระดับความกระตือรือร้นมี3ระดับคือ
*
ระดับที่ 1 ความกระตือรือร้นได้มาจากสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิต
*
ระดับที่ 2 เป็นการอยากรู้ในสิ่งที่สงสัยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมโดยทั่วไป
*
ระดับที่ 3 เป็น
การใช้สติปัญญาโดยจะปรับเปลี่ยนเป็นความสนใจในปัญหาโดยมีการสังเกตสิ่งต่าง ๆ และมีการรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นและมีความตื่นตัว
ในการแสวงหาคำตอบด้วยตนเอง
การจัดลำดับการคิด
*
การจัดลำดับการคิด หมายถึง
การนำความคิดเห็นมาจัดเป็นระบบ การจัดลำดับการคิด เป็นวิธีการทางอ้อม
โดยการจัดลำดับการคิดจะกระทำผ่านการจัดลำดับของกิจกรรม
*
การสร้างสถานการณ์ในการกระตุ้นและชี้นำให้เกิดความกระตือรือร้น
*
การกำหนดความเกี่ยวพันของประสบการณ์
เพื่อส่งเสริมการสร้างความคิดเห็น
*
การสร้างสรรค์ปัญหาและจุดมุ่งหมายที่จะสนับสนุน
ความต่อเนื่องและลำดับของการคิดในการสร้างความสำเร็จของการคิด
อ้างอิง
http://www.baanjomyut.com/library_2/scientific_thinking_skills/01.html
อ้างอิง
http://www.baanjomyut.com/library_2/scientific_thinking_skills/01.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น